เจาะลึก บาคาร่า รู้ก่อนเล่นเห็นกำไร

สมัครบาคาร่าออนไลน์ SSGAME350 ครบทุกค่ายเกมส์
ชวนเพื่อนเล่นบาคาร่า SAGAME350 รับ 0.8 ทุกการเล่น
เว็บคาสิโนออนไลน์ SAGAME66 เล่นบาคาร่าไลฟ์สดฟรี
แทงบาคาร่า UFA350 ขั้นต่ำเพียง 10บาท

ใครเล่นบาคาร่าก็มีแต่อยากจะบวกให้ได้มาก ๆ ใช่ไหมล่ะครับ แต่เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเกมไพ่ที่เล่นง่าย ๆ ถึงได้บวกยาก หรือตอนแรกก็บวกอยู่ดี ๆ ช่วงหลังกลายเป็นติดลบไปเสียอย่างนั้น ความจริงแล้วมันมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ไม่ได้ใส่ใจ ทั้งที่มันสามารถช่วยให้ทำกำไรได้เยอะมาก ว่าแต่มันคืออะไรไปดูกันดีกว่าครับ

บาคาร่ามาจากไหน

เชื่อกันว่าไพ่บาคาร่านั้นมีต้นกำเนิดมาจากไพ่ที่นิยมเล่นกันในอิตาลีตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยกติกาที่ใช้เล่นยังคงเป็นพื้นฐานมาจนถึงทุกวันนี้คือ มีผู้เล่นอยู่ 2 ฝั่ง ได้แก่ เจ้ามือ กับผู้เล่น แต่สมัยนั้นจะใช้ไพ่สำรับเดียว การนับแต้มบาคาร่าก็เหมือนปัจจุบันคือไพ่ J, Q และ K จะมีค่าเป็น 0 แต้ม และเมื่อไพ่นี้ได้รับความนิยมมากขึ้นก็มีการนำไปเล่นในคาสิโนลาสเวกัสช่วงปี 1950 จนกระทั่งมีคนเล่นกันเยอะเกินคาด ทำให้ต้องแบ่งห้องแบ่งโต๊ะวางเดิมพันกันตามฐานะการเงิน มีตั้งแต่เดิมพันน้อย ๆ ไปจนถึงเดิมพันมาก ๆ อีกทั้งไพ่ที่ใช้ก็มากถึง 8 สำรับ ทำให้เป็นรากฐานในการเล่น บาคาร่าออนไลน์ ในทุกวันนี้

วิธีนับแต้มไพ่

ก่อนจะเล่นบาคาร่าจำเป็นต้องรู้ว่าเขานับแต้มกันอย่างไรเสียก่อน ซึ่งการนับแต้มก็ไม่ยาก ไพ่แต่ละใบจะมีค่าดังนี้

  • ไพ่ A จะมีค่า 1 แต้ม
  • ไพ่ 2-9 จะมีค่าตามหมายเลขหน้าไพ่
  • ไพ่ 10, J, Q, K จะมีค่า 0 แต้ม
  • ดอกไพ่ (โพธิ์ดำ, โพธิ์แดง, ข้าวหลามตัด, ดอกจิก) จะไม่มีผลต่อขนาดไพ่

วิธีการนับแต้มจากแต้มไพ่แต่ละใบที่ได้รับมารวมกัน หากแต้มรวมได้ตั้งแต่ 10 แต้มขึ้นไปจะใช้หลักหน่วยในการตัดสิน เช่น ได้ไพ่ 9, 7, K = 9+7+0 = 16 แต่ใช้แค่หลักหน่วยเท่ากับว่าได้เพียงแค่ 6 แต้ม หรือ 9, A = 9+1 = 10 เช่นนี้ถือว่าได้ 0 แต้ม เรียกว่าไพ่บอด

สำหรับการตัดสินแพ้ชนะจะดูว่าฝั่งไหนได้แต้มใกล้เคียง 9 แต้มมากที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ

วิธีเล่นบาคาร่า

            หลังจากที่เลือกโต๊ะได้แล้วเราจะต้องวางเดิมพันไปในฝั่งที่คิดว่าจะชนะ หลังจากนั้นดีลเลอร์จะแจกไพ่ให้ฝั่งละ 2 ใบ แล้วค่อยเปิดไพ่เพื่อนับแต้ม ในขั้นตอนนี้ดีลเลอร์จะดูว่าแต้มที่ออกมาของทั้งสองฝั่ง จำเป็นต้องจั่วไพ่เพิ่มหรือว่าสามารถตัดสินผลกันได้เลย

ไพ่ใบที่ 3 จั่วได้ตอนไหน

เรื่องไพ่ใบที่ 3 นับว่าเป็นปัญหาสำหรับคนที่ไม่รู้กติกาอย่างมาก หลายคนโวยวายหาว่าคาสิโนโกงเมื่อเห็นว่ามีการจั่วไพ่เพิ่ม ทั้ง ๆ ที่ฝั่งที่แทงกำลังจะชนะอยู่แล้ว แต่เนื่องจากกฎไพ่ใบที่ 3 มีความซับซ้อน จึงต้องให้ดีลเลอร์เป็นคนดูแลกฎนี้แทน ซึ่งเงื่อนไขการจั่วไพ่เพิ่มมีอยู่ว่า

  1. ถ้าเจ้ามือหรือผู้เล่นมีแต้มรวม 8-9 แต้ม ก็ตัดสินแพ้ชนะได้เลย
  2. ถ้าผู้เล่นได้ 6-7 แต้ม จะต้องอยู่เฉย ๆ จากนั้นไปดูแต้มเจ้ามือ
  • หากได้ 6-7 แต้ม ก็ตัดสินได้ทันที
  • แต่ถ้าได้น้อยกว่า 6 แต้ม ให้จั่วไพ่ใบที่ 3
  1. ถ้าผู้เล่นได้น้อยกว่า 6 แต้ม ให้จั่วไพ่ได้อีก 1 ใบ จากนั้นดูแต้มเจ้ามือ
  • หากได้ 0-2 แต้ม ให้จั่วเพิ่ม
  • หากได้ 3 แต้ม และไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นไม่ใช่ 8 ให้จั่วเพิ่ม
  • หากได้ 4 แต้ม และไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นเป็น 2-7 ให้จั่วเพิ่ม
  • หากได้ 5 แต้ม และไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นเป็น 4-7 ให้จั่วเพิ่ม
  • หากได้ 6 แต้ม และไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นเป็น 6-7 ให้จั่วเพิ่ม
  • หากได้ 7 แต้ม ให้อยู่เฉย ๆ
  1. เมื่อวัดแต้มกันแล้วหากฝั่งที่เราแทงชนะก็จะได้รับเดิมพัน หากแพ้ก็เสียเงิน ยกเว้นผลเป็นเสมอจะได้รับเดิมพันคืนเต็มจำนวน แต่ถ้าแทงเสมอไปแล้วผลไม่ใช่เสมอแบบนี้จะเสียเดิมพัน

บาคาร่าจ่ายยังไง

สำหรับอัตราจ่ายบาคาร่านั้นจะขึ้นอยู่กับโต๊ะที่เราเล่นว่าเป็นแบบมีคอมมิชชั่นหรือไม่ หากไม่มีในการแทงฝั่งเจ้ามืออัตราจ่ายจะอยู่ที่ 1 เท่า หรือแทง 1 จ่าย 1 ไม่รวมทุน แต่สำหรับกฎมาตรฐานทั่วไปจะมีอัตราจ่ายดังนี้

  • เดิมพันฝั่งเจ้ามือ หากชนะ อัตราจ่ายคือ 0.95 เท่า หรือ 95% ของเดิมพัน โดยอีก 5% จะถูกหักเป็นค่าคอมมิชชั่นให้กับคาสิโนออน ถ้าแพ้เสียเต็ม หากผลเป็นเสมอได้รับเดิมพันคืนทั้งหมด
  • เดิมพันฝั่งผู้เล่น หากชนะ อัตราจ่ายคือ 1 เท่า ถ้าแพ้เสียเต็ม หากผลเป็นเสมอได้รับเดิมพันคืนทั้งหมดเช่นกัน
  • เดิมพันฝั่งเสมอ หากผลเป็นเสมอ อัตราจ่ายคือ 8 เท่า ถ้าผลออกมาฝั่งใดฝั่งหนึ่งชนะ จะเสียเดิมพันทั้งหมด
  • เดิมพันไพ่คู่เจ้ามือ หากไพ่สองใบแรกของเจ้ามือมีแต้มเท่ากัน อัตราจ่าย 11 เท่า ถ้าออกไพ่คนละหน้าจะเสียเดิมพันทั้งหมด
  • เดิมพันไพ่คู่ผู้เล่น หากไพ่สองใบแรกของผู้เล่นมีแต้มเท่ากัน อัตราจ่าย 11 เท่า ถ้าออกไพ่คนละหน้าจะเสียเดิมพันทั้งหมด

House Edge สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเล่นบาคาร่า

House Edge หรืออัตราความได้เปรียบของคาสิโนจะมีความสัมพันธ์กับอัตราจ่าย และจะส่งผลต่อการทำกำไรของเราในระยะยาว นั่นก็คือยิ่งเล่นนานเล่นหลายตายิ่งทำให้โอกาสชนะของเราลดน้อยลงเรื่อย ๆ สำหรับค่า House Edge ของการเดิมพันแต่ละฝั่งจะมีดังนี้

  • ฝั่งเจ้ามือ คาสิโนได้เปรียบอยู่ที่ 1.0579%
  • ฝั่งผู้เล่น คาสิโนได้เปรียบอยู่ที่ 1.2351%
  • ฝั่งเสมอ คาสิโนได้เปรียบอยู่ที่ 14.3596%
  • ฝั่งไพ่คู่ คาสิโนได้เปรียบอยู่ที่ 10.3614%

หากดูให้ดีจะเห็นว่าฝั่งเสมอกับฝั่งไพ่คู่เป็นจุดที่คาสิโนได้เปรียบมาก ๆ จึงทำให้สองฝั่งนี้มีอัตราจ่ายที่มากกว่าการแทงฝั่งเจ้ามือหรือผู้เล่น ส่วนฝั่งเจ้ามือที่คาสิโนได้เปรียบน้อยที่สุดก็มีการแก้ไข โดยการเพิ่มกฎที่ว่าหากเจ้ามือชนะจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับคาสิโน 5% จึงเป็นเหตุผลที่ว่าหากเล่นบาคาร่าจำเป็นต้องใช้สูตรเดินเงินเข้าช่วยจะทำให้มีโอกาสได้กำไรมากกว่า

หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วทำไมอัตราจ่ายของไพ่คู่ถึงมากกว่าฝั่งเสมอ ทั้งที่คาสิโนได้เปรียบน้อยกว่า นั่นเป็นเหมือนกับจิตวิทยาที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่ามันน่าวางเดิมพัน แต่สำหรับคาสิโนแล้วนั้นหากได้เปรียบมากกว่า 10% จะจ่ายมากแค่ไหนก็ได้เปรียบกว่าอยู่ดี

Rel : เจาะลึก บาคาร่า รู้ก่อนเล่นเห็นกำไร

Leave a Reply